รังสีอัลตราไวโอเลตคืออะไร มารู้ประโยชน์และวิธีป้องกันต่อร่างกาย
รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวขาวกระจ่างใส หลายคนเลือกที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยอยู่แต่ในที่ร่มไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ บ้านหรือห้างสรรพสินค้า แต่ไม่รู้ทำไมผิวยังกลับคล้ำเสีย เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระตามมาได้อีก
ซึ่งอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลต หรือ UV นั้นไม่ได้ทำร้ายผิวเฉพาะชั้นนอก แต่อาจทะลุถึงเซลล์ผิวชั้นในทำให้เกิดผิวคล้ำเสียสะสมจนยากต่อการฟื้นฟูให้ผิวกลับมาขาวใสเหมือนเดิม ยิ่งคล้ำก็ยิ่งเครียด ทั้งๆที่ไม่โดนแดดแล้วแต่ผิวก็ไม่สวยใสสักที นั่นเป็นเพราะ รังสีอัลตราไวโอเลต UV สามารถทะลุผ่านเข้ามาทำร้ายผิวเราได้ทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ในร่ม นอกจากนี้แสงพลังงานสูงหรือ High Energy Visible Light (HEV) จากหลอดไฟ จอคอมพิวเตอร์และจอโทรศัพท์ก็ยังทำร้ายผิวได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งจากงานวิจัยพบว่ารังสี UVA UVB และ HEV นั้นสามารถถูกตรวจพบได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารด้วยปริมาณที่ส่งผลเสียต่อผิวของเราได้
รังสีอัลตราไวโอเลต UV คืออะไร?
รังสียูวี (UV) หรือที่เรียกว่า รังสีอัลตราไวโอเลต (UltraViolet) ชื่อภาษาไทยเรียกว่า รังสีเหนือม่วง คือ ความยาวคลื่นของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 100 ถึง 400 นาโนเมตร โดยแสงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลต จะมีความยาวคลื่นต่ำกว่า 400 ลงมา
รังสีอัลตราไวโอเลต UV แบ่งได้เป็น UVA (ความยาวคลื่น 400 – 320) UVB (ความยาวคลื่น 320 – 290) และ UVC ความยาวคลื่นตั้งแต่ 290 ลงมา สำหรับแสง UVC จากดวงอาทิตย์จะถูกกันจากชั้นโอโซนของบรรยากาศหมด จึงไม่ลงมาถึงโลกเรา ในปัจจุบันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่มาถึงพื้นโลกมีรังสียูวีประมาณ 5% โดยเป็นUVA 90% UVB 10%
แหล่งที่มาของรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) มาจากไหนได้บ้าง
- แสงจากดวงอาทิตย์
- หลอดไฟ Black light Blue (BLB) หรือแสงจากหลอดไฟต่างๆภายในบ้าน
- Short wave UV lamp ที่ใช้ในทางการแพทย์เพื่อฆ่าเชื้อโรค
- UV laser มีทั้งที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม การแกะสลัก ทางการแพทย์ และอื่นๆ
- แสงที่ออกมากับการเชื่อมโลหะต่างๆ
- แสงจากจอคอมพิวเตอร์ หรือ แสงสีฟ้าที่ทะลุออกมาจากจอสกรีน