ก่อนจะเลือกครีมกันแดด ต้องอย่าลืมดูค่า SPF ที่ระบุอยู่บนผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งค่านี้มีความสำคัญในการวัดประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVB ที่มากับแสงแดด ซึ่งมีส่วนในการทำร้ายผิว ทำให้ผิวไหม้แสบร้อน ครีมกันแดดจึงต้องมีค่าที่บอกถึงความสามารถในการป้องกันแสงแดด คือ ค่า SPF ที่ระบุอยู่บนผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับค่า PA ที่ระบุระดับในการป้องกันรังสี UVA
SPF คืออะไร?
ค่า SPF หรือ Sun Protection Factor คือ ค่าป้องกันแสงแดด หรือความสามารถในการป้องกันความไหม้แดดของผิว ซึ่งเป็นตัวระบุระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB หรือเวลาที่ผิวทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลตได้หลังจากทากันแดดแล้ว โดยจะมีค่าอยู่ที่ 2 ถึง 50 โดยแต่ละค่าสามารถดูซับรังสียูวีได้ดังนี้
ความแตกต่างระหว่าง SPF และ PA
ความแตกต่างของค่า SPF และ PA คือ ค่า SPF เป็นค่าการป้องกันแสงแดดจากรังสี UVB แต่ในส่วนของค่า PA จะเป็นวิธีการวัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA โดยจะไล่ระดับไปตั้งแต่ PA+ ถึง PA++++ ที่เป็นค่าการป้องกันแสงแดด สามารถดูรายละเอียดของค่า PA เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำไม SPF ในครีมกันแดดถึงสำคัญ?
SPF เป็นค่าที่ระบุระดับของการปกป้องผิวจากรังสี UVB ซึ่งแต่ละค่าจะมีเปอร์เซ็นต์ความสามารถในการป้องกันรังสี UVB ได้ดังต่อไปนี้
- SPF 8 จะดูดซับรังสี UVB ได้ 87.5%
- SPF 15 จะดูดซับรังสี UVB ได้ 93.3%
- SPF 20 จะดูดซับรังสี UVB ได้ 95%
- SPF 30 จะดูดซับรังสี UVB ได้ 96.7%
- SPF 40 จะดูดซับรังสี UVB ได้ 97.5%
- SPF 50 จะดูดซับรังสี UVB ได้ 98%
- SPF 50+ จะดูดซับรังสี UVB ได้ > 98%
วิธีเลือก ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะสม
การเลือกครีมกันแดดนอกจากค่า SPF ที่ต้องเลือกให้เหมาะสมแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยดังต่อไปนี้
ประเภทของผิว
ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว ซึ่งค่า SPF เป็นเพียงค่าที่บ่งบอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB เท่านั้น
- ผิวมัน-ผิวผสม ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่เป็น เนื้อน้ำ,เจล ดรายทัช หรือครีมกันแดดที่มีเครื่องหมายกำกับว่า ปราศจากน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหน้ามันระหว่างวัน
- ผิวธรรมดา สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดได้ทุกรูปแบบตามความชอบและชีวิตประจำวัน
- ผิวแห้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่เป็นเนื้อครีม มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น
- ผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้กันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของสารก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น พาราเบน แอลกอฮอล์ และ น้ำหอม
ความเข้มข้นของแสงแดด
รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสี UV (Ultraviolet : UV) เป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 200-400 นาโนเมตร แบ่งออกได้ดังนี้
1. รังสี UVB มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 280-320 นาโนเมตร รังสี UVB สามารถส่งผ่านรังสีทะลุผ่านผิวหนังในชั้นสเตรตัม คอร์เนียม (Stratum corneum) และชั้นอีพิเดอมีส (Epidermis) ทำให้เกิดผลเสียต่อผิวหนังของเรา คือ เกิดรอยผื่นแดง แสบผิว หรือผิวหนังในชั้นนอกเป็นรอยไหม้ได้ รวมถึงเกิดรอยแดง จุดด่างดำ และฝ้าที่ผิวได้
2. รังสี UVA มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 320-400 นาโนเมตร มีพลังงานต่ำสุดแต่สามารถส่งผ่านรังสีได้ลึกมากกว่า สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อโครงสร้างชั้นผิวหนัง หากรับรังสี UVA นี้แม้ในปริมาณน้อยก็สามารถส่งผลกระทบได้ถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ทำให้ผิวเหี่ยวย่น สุขภาพผิวไม่ดีตามมา
3. แสงสีฟ้า (HEVIS) เป็นแสงพลังงานสูงมีความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 400-500 นาโนเมตร สามารถลงลึกไปใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวเกิดริ้มรอยก่อนวัย ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง
การเลือกครีมกันแดดที่ดีควรเลือกที่สามารถป้องกันแสงแดดทั้งรังสี UVA/UVB และรวมถึงแสงสีฟ้า (HEVIS) ได้ด้วย แสงสีฟ้าคืออะไร เกี่ยวกับผิวเราอย่างไร
สถานที่
การเลือกครีมกันแดดควรคำนึงถึงสถานที่ในการทำกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้ง หรือในที่ร่ม โดยเฉพาะกลางแจ้ง เวลากลางวันยิ่งต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 ขึ้นไป หรือหากอยู่ในออฟฟิศที่มีแสงไฟสว่างตลอดทั้งวันสามารถเลือกใช้ครีมกันกันแดดที่มีค่า SPF ระหว่าง 15-30 ได้
ควรทาครีมกันแดดอย่างไร?
ทาครีมกันแดดให้สม่ำเสมอทั่วร่างกาย
โดยทาก่อนออกแดด 15-30 นาที ที่สำคัญควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแดด โดยทาครีมกันแดด 2 ข้อนิ้ว หรือปริมาณเท่ากับเหรียญ 10 สำหรับใบหน้าและลำคอ
ทาซ้ำ
ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หากมีเหงื่อมาก หรือโดนน้ำบ่อย
ค่า SPF เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว เพื่อทราบถึงประสิทธิภาพในการดูแลในการป้องกันแสงแดด ที่สำคัญคือควรใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมกับผิว
แนะนำครีมกันแดด
ครีมกันแดดเนื้อน้ำ สามารถใช้ได้ทุกวัน ไม่เหนอะหนะใช้ได้แม้กิจกรรมกลางแจ้ง แนะนำ Eucerin® Sun Hydro Protect Ultra Light Fluid SPF50+ 50 ML ผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวจากแสงแดดสำหรับผิวหน้า ปกป้องผิวจากรังสี UV ทุกมิติ UVA/UVB เนื้อบางเบาเป็นพิเศษเกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีเทคโนโลยี Hydro-tech complex ช่วยเติมความชุ่มชื้น ทำให้รู้สึกสบายผิวทันทีหลังทา สามารถใช้ได้แม้ผิวที่บอบบาง
ครีมกันแดดที่ปกป้องผิวจากฝุ่นและมลภาวะ แนะนำ Eucerin ULTRA PROTECTION GLOWING UV SERUM SPF50+ PA++++ 30 ML ผลิตภัณฑ์เซรั่มป้องกันแสงแดด สำหรับผิวหน้า ปกป้องฝุ่นมลภาวะและรังสี UV พร้อมบำรุงให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่ถูกทำร้ายจากรังสี UVB/A บูสผิวให้โกลว์กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ครีมกันแดดสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวอุดตัน แนะนำ Eucerin Sun Protection SUN DRY TOUCH ACNE OIL CONTROL SPF50+ PA+++ 50 ผลิตภัณฑ์ กันแดดสำหรับผิวหน้า ผิวเป็นสิว แพ้ง่าย ไวต่อแดด กันแดดสูตรควบคุมความมันเพื่อผิวเป็นสิวง่าย
นอกจากนี้สามารถเลือกใช้ กันแดดให้เหมาะสมตามแต่ละสภาพผิว เพื่อให้ปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงหรือไม่
การเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงยิ่งปกป้องผิวได้ดีและยาวนานมากยิ่งขึ้น แต่สามารถเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมตามกิจกรรมที่ทำได้
ค่า SPF ที่สูงหมายถึงอยู่ได้นานกว่าหรือไม่
ค่า SPF ที่สูง คือค่าที่ระบุความสามารถในการป้องกันความไหม้แดดของผิว
การใช้ครีมกันแดดทุกวันปลอดภัยหรือไม่?
การใช้ครีมกันแดดทุกวันปลอดภัยหากเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวและใช้ในปริมาณที่เพียงพอ
เด็กสามารถใช้ครีมกันแดดได้หรือไม่?
ครีมกันแดดที่ใช้กับเด็ก ควรเป็นครีมกันแดดสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ที่ปราศจากสารเคมีต่างๆ และมีค่า SPF 30 ขึ้นไป
ครีมกันแดดที่หมดอายุยังใช้ได้หรือไม่?
ไม่แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุ เนื่องจากประสิทธิภาพในการกันแดดจะลดลง
สามารถแต่งหน้าหลังจากทากันแดดได้หรือไม่?
สามารถแต่งหน้าหลังทาครีมกันแดดได้ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารกันแดดหลายประเภท
ครีมกันแดดควรทาซ้ำบ่อยแค่ไหน?
ครีมกันแดดสามารถทาซ้ำได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้การป้องกันยูวีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง