หลีกเลี่ยงแสงแดด
การหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสียูวีเข้มข้นที่สุด เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการรักษาผิวแพ้แดด สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังให้มากที่สุด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวกปีกกว้าง และแว่นกันแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และ PA++++ เป็นประจำ แม้ในวันที่ไม่มีแดดจัด ก็มีความสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสียูวี หากจำเป็นต้องออกแดด ควรอยู่ในที่ร่ม หรือใช้ร่มกันแดด
ประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง
การประคบเย็นบริเวณผิวหนังที่ได้รับผลกระทบ จะช่วยลดอาการบวม แดง และแสบร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็น หรือห่อน้ำแข็ง/เจลเย็น ประคบเบาๆ บนผิวหนังที่อักเสบ ครั้งละ 10-15 นาที หลายๆ ครั้งต่อวัน หลีกเลี่ยงการใช้น้ำแข็งโดยตรงบนผิวหนัง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติมได้
ทาครีมบำรุงผิวเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว
เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ (Aloe vera) หรือคาลาไมน์ (Calamine) จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนและคันได้ดี ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและช่วยกระบวนการฟื้นฟูผิว
การใช้ยารักษาสำหรับกรณีที่มีอาการรุนแรง
ในกรณีที่มีอาการแพ้แดดรุนแรง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการ ยาแก้แพ้ (Antihistamines) จะช่วยลดอาการคันและผื่นแดง ยาทาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Topical corticosteroids) จะช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ในกรณีที่รุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน (Oral corticosteroids)
การดูแลตุ่มน้ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
หากมีตุ่มน้ำใสเกิดขึ้น ห้ามแกะ เกา หรือเจาะตุ่มน้ำด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ควรปล่อยให้ตุ่มน้ำแห้งและยุบลงเองตามธรรมชาติ หากตุ่มน้ำมีขนาดใหญ่ หรือมีอาการติดเชื้อ (เช่น มีหนอง บวมแดงมาก) ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
การดูแลผิวหลังการรักษา
หลังจากอาการเริ่มดีขึ้น ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเป็นประจำ สังเกตุอาการอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการกลับมาควรกลับไปพบแพทย์ รักษาความชุ่มชื่นให้ผิวอยู่เสมอ หากต้องไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และหมวกปีกกว้าง เพื่อป้องการโดนแสงแดดทำร้ายผิวซ้ำ