ดูแลและบำรุงผิวหนังอักเสบเรื้อรัง – อย่างไรให้ถูกวิธี

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

ผิวหนังอักเสบมักเกี่ยวข้องกับผิวแห้ง เป็นปัญหาผิวที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งเกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นในผิว ที่ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่แห้ง การอาบน้ำอุ่นเป็นประจำ ผิวหนังเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น นอกจากนี้อาการผิวแห้งยังมีสาเหตุมาจากโรคผิวอักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย 

หนึ่งในโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง คือ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคผิวอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อยในเด็กและพบได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีสภาพผิวที่อ่อนแอ บอบบาง แพ้ง่ายและมีผิวค่อนข้างแห้ง เนื่องจากความผิดปกติของเกราะปกป้องผิว จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะเชื้อ S.aureus ที่ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีผื่นแห้ง แดงและคันมาก การเกาจะยิ่งทำให้อาการของโรคแย่ลง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ที่อาจทำให้นอนหลับไม่สนิท คุณภาพการนอนที่แย่ลง ส่งผลต่อการเรียนรู้และการเจริญเติบโตได้

อาการของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

  • ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
  • ผิวแดง คัน ระคายเคือง
  • ผิวเป็นผื่น ตุ่ม หรือรอยแผล
  • ผิวหนา แข็ง หรือเป็นรอยย่น
  • รู้สึกแสบร้อนหรือเจ็บที่ผิว
  • เกาบริเวณผิวจนเกินเป็นแผล

บริเวณของผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อย

  • บริเวณข้อพับต่างๆ ข้อพับแขน ข้อพับขา คอ รักแร้ และขาหนีบ มักพบผื่นแดงคัน
  • แขนและขา อาจพบผื่นหรือตุ่มคันทั้งสองข้างหรือข้างเดียว รวมถึงตุ่มนูนตามรูขุมขน
  • ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม อาจพบเป็นดวงหรือวงขาว
  • ลำตัว สามารถพบผื่นหรือวงขาวได้เช่นกัน
  • ข้อศอกและเข่า มักพบผื่นคันสีแดงหรือน้ำตาล
  • มือและเท้า โดยเฉพาะนิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ และฝ่าเท้า อาจพบผื่นแดงลอกเป็นสะเก็ด
  • ริมฝีปาก มักมีอาการแดง แห้ง และลอกเป็นขุย

3 สาเหตุหลักต้นตอทำให้ผิวแห้ง ผิวอักเสบเรื้อรัง

ปัญหาผิวแห้ง ผิวหนังอักเสบที่เป็นเหตุให้ผิวเกิดอาการแดง เป็นผื่นและคันได้นั้นเกิดจากสารสำคัญในผิวหลายตัวลดลง จนผิวไม่สามารถกักเก็บหรือจับความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ โดยสารสำคัญที่เป็นต้นตอของผิวแห้งมาก เกิดจาก 3 สาเหตุดังนี้

  • การขาดสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ : Natural Moisturizing Factors ที่เรียกย่อๆ กันว่า NMFs หรือสารที่ช่วยจับและยึดเกาะความชุ่มชื้นให้ผิวตามธรรมชาติที่อยู่ในผิวมีปริมาณลดน้อยลง ส่งผลให้ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นลดลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื้นและแห้งมากขึ้น

  • สารสำคัญใต้ผิวลดลง : เพราะหน้าที่ของสารสำคัญใต้ผิวอย่างเซราไมด์คือการคอยช่วยยึดเคราตินชั้นผิว ปกป้องผิวจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม รวมไปถึงลดการสูญเสียความชุ่มชื้นด้วยการกักเก็บน้ำไว้ในผิว นอกจากนี้ผิวหนังอักเสบยังเกิดจากการลดลงของไขมันจำเป็นใต้ผิวอย่าง Omega 3&6 Fatty Acids อีกด้วยซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งลอก และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • ช่องทางส่งน้ำในผิวน้อยลง : Aquaporin หรือช่องทางเครือข่ายการส่งน้ำในผิว เป็นตัวช่วยกระจายความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงคงความชุ่มชื้นตลอดเวลา แต่เมื่อช่องทางเครือข่ายนี้ลดลงจึงส่งผลให้ผิวแห้งมากขึ้นได้

เพราะสาเหตุหลักเหล่านี้ที่เป็นตัวการให้ผิวแห้งมากขึ้น จนก่อให้เกิดโรคและปัญหาผิวตามมาได้ ร่วมกับการถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายในและภายนอก เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นภูมิแพ้ โรคเบาหวานที่มาจากภายในหรือจากอากาศแห้ง โดนรังสี UV ทำร้ายจากภายนอก ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อาการของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังกำเริบขึ้นมาได้และต้องพึ่งยาสเตียรอยด์ที่หากใช้ในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อผิวอย่างคาดไม่ถึง

การวินิจฉัยผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

  1. ตรวจประวัติอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด รวมถึงลักษณะและตำแหน่งของผื่น
  2. สอบถามประวัติครอบครัว เนื่องจากโรคนี้มักมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม
  3. ตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะและความรุนแรงของผื่น
  4. ในบางกรณี อาจมีการทดสอบเพิ่มเติม เช่น การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
  5. การประเมินผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
  6. การวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะผิวหนังอักเสบชนิดอื่นๆ

 

หลังการวินิจฉัย แพทย์จะอธิบายเกี่ยวกับโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ครีมสเตียรอยด์ ยาแก้แพ้ และการดูแลผิวอย่างเหมาะสม โดยเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการในระยะยาว

การดูแลรักษาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

  • การรักษาด้วยยาทา การใช้สเตียรอยด์ทาบนผิวหนัง เพื่อใช้ลดอาการอักเสบและอาการคัน หรือการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อย่างการทาครีมที่มีส่วนผสมของ tacrolimus หรือ pimecrolimus แนะนำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ยาเท่านั้น
  • การรักษาด้วยการทานยาหรือการฉีดยา การทานยาสเตียรอยด์ ใช้ในกรณีที่มีอาการรุนแรง หรือการใช้ยาต้านภูมิคุ้มกันเช่น cyclosporine หรือ methotrexate แนะนำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ยาเท่านั้น
  • การดูแลผิวพรรณ การรักษาความสะอาดผิว การใช้สบู่ที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงการถูหรือเกาเพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
  • การบำบัดด้วยแสง (Phototherapy) ใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการรักษาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

ดูแลความชุ่มชื้น วิธีการป้องกันผิวแห้ง ทางเลือกในการลดปัญหาผิวอักเสบเรื้อรัง ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผิวหนังอักเสบเรื้อรังเป็นโรคที่ไม่หายขาด ทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง อย่างไรก็ตามการดูแลรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้อาการไม่กำเริบ โรคมีระยะสงบที่ยาวนานขึ้น โดยการดูแลที่สำคัญคือ "การป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง" เช่น

  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นและการอาบน้ำเป็นเวลานาน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย 8-9 แก้วต่อวัน
  • ใช้โลชั่นบำรุงผิวแห้งที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว (Moisturizer) เช่น เซราไมด์ อควาพอรน ยูเรีย ที่เหมาะสมกับอาการที่เป็น ทาบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่ผื่นเห่อหรือไม่ก็ตาม ซึ่งมีการศึกษาระบุว่าการใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างต่อเนื่องช่วยลดโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำ และสามารถลดการใช้ยาลงได้อีกด้วย
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่น สารเคมี หรืออาหารที่อาจกระตุ้นอาการ จัดการความเครียดเพราะความเครียดสามารถทำให้อาการแย่ลงได้

เลือกใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อย่างเหมาะสม

แม้ว่าจะมีสารเพิ่มความชุ่มชื้นในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผิววางจำหน่ายในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับเด็ก หรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือแม้แต่ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบเรื้อรังเป็นผื่นภูมิแพ้ ผื่นแพ้ผิวหนัง ควรเลือกสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ประกอบด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนและปลอดภัย ไม่ผสมสารปรุงแต่งอื่น ๆ ไม่มีน้ำหอมหรือพาราเบน ที่ก่อให้เกิดการะคายเคืองต่อผิว นอกจากการดูแลฟื้นบำรุงผิวในช่วงที่ผิวอักเสบ หรือมีผื่นแดงเห่อแล้ว เมื่อการสงบลงก็ควรเลือกสกินแคร์ดูแลผิวที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลปกป้องผิว มาช่วยใช้ในการดูแลและเต็มเติมสารสำคัญหลักในผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำของผิวหนังอักเสบเรื้อรังหรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

การดูแลผิวหนังอักเสบ ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นด้วยการใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำสม่ำเสมอ นอกจากจะดีต่อสุขภาพผิวในคนทั่วไปแล้ว ยังช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำของผิวอักเสบเรื้อรัง ผื่นในผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถลดการใช้ยาสเตียรอยด์ลงได้ในระยะยาว การเอาใจใส่ดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแพ้ง่าย

ออยอาบน้ำ

 

Eucerin OMEGA BATH & SHOWER OIL ผลิตภัณฑ์ออยล์อาบน้ำสำหรับผู้มีอาการผิวแห้งระคายและมีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ที่ต้องเริ่มดูแลผิวตั้งแต่การอาบน้ำ เพื่อลดปัญหาผิวระคายจากผิวแห้ง เสริมเกราะป้องกันผิวลดโอกาสเกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ด้วย Omega Oil 3 และ 6 ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และ Polidocanol ลดปัญหาผิวระคายอย่างมีประสิทธิภาพ พิสูจน์แล้วปลอดภัยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด

Omega Balm ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย แดง คัน ผิวอักเสบเป็นผื่นภูมิแพ้ หรือผดผื่น ด้วยสาร Licochalcone A ที่สกัดจากธรรมชาติช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และการระคายที่มีสาเหตุจากผิวแห้ง ผสาน Omega 3 & 6 fatty acids และ ceramindes ช่วยเติมไขมันที่จำเป็น เพื่อคืนความชุ่มชื้น พร้อม Shea Butter ที่ช่วยฟื้นบำรุงชั้นปกป้องผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น

โลชั่นผิวแห้ง

Eucerin UREA REPAIR PLUS 5% UREA LOTION 48H LONG-LASTING HYDRATION โลชั่นผิวแห้งสำหรับ ดูแลปัญหาผิวแห้งในช่วงที่ไม่ได้มีอาการผื่นแดงเห่อ ที่ผสานสารสำคัญเพื่อให้ความชุ่มชื้น X3 ด้วยสารสำคัญอย่าง ยูเรีย (Urea) สารให้ความชุ่มชื้นระดับ Gold Standard NMFs ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว Ceramide ซึ่งช่วยล็อกและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว และ Gluco-Glycerol ที่ช่วยกระจายความชุ่มชื้นเข้าสู่ชั้นผิวอย่างล้ำลึก โดยช่วยให้ผิวชุ่มชื้นตลอด 48 ชั่วโมง เนื้อโลชั่นเบาบางซึมซาบลงไปบนผิวได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวันเช้า-เย็น โดยไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะบนผิว

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง