สิวหิน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และยังเป็นสิ่งที่กวนใจใครหลายๆคน เพราะสิวหินนั้นไม่ใช่ สิวอุดตันธรรมดา แต่เป็นความผิดปกติของต่อมเหงื่อขนาดเล็กใต้ผิวหนัง ซึ้งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ วันนี้เรามาทำความรู้จักสิวหินกันว่าคืออะไร มีลักษณะอย่างไร มีสาเหตุจากอะไร เพื่อการรักษาและป้องกันอย่างถูกวิธี
สิวหิน คืออะไร
สิวหิน หรือ Syringoma เป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของต่อมเหงื่อขนาดเล็กใต้ผิวหนัง และถึงเราจะเรียกว่า "สิวหิน" แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่สิวชนิดเดียวกับสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบเหมือนสิวทั่วไป เพราะสิวหินจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก ไม่เจ็บปวดและไม่เป็นอันตรายต่อผิว
สิวหิน มีลักษณะอย่างไร
สิวหิน มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ นูนขึ้นมาบนผิวหนัง มีขนาดเล็กประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ลักษณะของสิวหินโดยทั่วไปจะมีสีเดียวกับผิวหนังหรือออกเป็นสีเหลืองอ่อน สิวหินมักไม่มีอาการเจ็บปวดหรือคัน พื้นผิวเรียบ ไม่มีลักษณะเป็นหนองหรือมีหัวเหมือนสิวอักเสบทั่วไป สิวหินเกิดจากการขยายตัวของท่อเหงื่อใต้ผิวหนัง จึงมีลักษณะนูนขึ้นมาแต่ไม่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง
สาเหตุที่ทำให้เกิด สิวหิน
สาเหตุการเกิดของสิวหินยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่ เพราะว่ามีปัจจัยหลายอย่างในการเกิดสิวหินแต่ละประเภท เช่น
1. พันธุกรรม
ความผิดปกติทางพัธุกรรม หรือการมีประวัติครอบครัวที่เป็นสิวหินสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวหินในบุคคลได้ ซึ้งสามารถเป็นได้ตั้งแต่ทารกจนถึงช่วงวัยอื่นๆ
2. ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจส่งผลต่อการเกิดสิวหิน โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อย่างการตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน
3. ความผิดปกติของผิวหนัง
สิวหินอาจเกิดจากความผิดปกติของผิวหนัง ซึ้งบางคนอาจมีปัญหาผิวที่ทำให้เกิดสิวหินง่ายขึ้น อย่างคนที่มี ผิวบาง ผิวมัน ผิวที่มีรูขุมขนอุดตันจำนวนมาก รวมถึงพวกการอักเสบ และการบาดเจ็บของผิวหนัง
4. การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บางชนิด
การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อผิว อย่างสเตียรอยด์ หรือยาบางประเภท อาจทำให้ท่อเหงื่อขยายตัวและเกิดสิวหินได้
5. โรคบางชนิด
โรคบางชนิดสามารถเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวหินได้ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของต่อมเหงื่อ อย่างโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ หรือโรคดาวน์ซินโดรม มักมีโอกาสเป็นสิวหินสูงกว่าคนทั่วไป
6. การระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม
การสัมผัสกับสารเคมีหรือสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง อาจกระตุ้นผิวจนทำให้เกิดสิวหิน
บริเวณที่มักเกิดสิวหิน
- สิวหินรอบดวงตา เป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดเป็นกลุ่มเล็กๆ รอบๆ ดวงตา
- สิวหินที่แก้ม อาจพบได้ทั้งแบบกระจายทั่วแก้มหรือเป็นกลุ่มเล็กๆ
- สิวหินที่คอ มักพบเป็นตุ่มเล็กๆ กระจายตามแนวคอ
- สิวหินที่ลำตัว มักเกิดที่หน้าอก หลัง หรือบริเวณที่มีต่อมเหงื่อจำนวนมาก
ความแตกต่างระหว่างสิวหิน และสิวเม็ดข้าวสาร
ทั้งสิวหินและสิวเม็ดข้าวสารมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มีสาเหตุที่แตกต่างกัน เพราะสิวหินเกิดจากความผิดปกติของท่อเหงื่อ แต่สิวเม็ดข้าวสารเกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวหนังและไขมันใต้ผิวหนัง
สิวหิน (Syringoma)
ความผิดปกติของท่อเหงื่อ เป็นเพียงตุ่มเนื้อนูนแข็งขนาดเล็กมีสีขาวขุ่นหรือสีเหลืองเท่านั้น และเป็นสิวที่ไม่มีอาการเจ็บหรือคัน เพียงแต่อาจจะสร้างความรำคาญให้เราเท่านั้น และสิวหินมักจะเกิดในบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนใหญ่ เกิดได้ทั้งบริเวณใต้ตาและเปลือกตา แต่ในบางกรณี สิวหินเกิดในบริเวณอื่นๆ ในร่างกายได้ด้วย เช่น โหนกแก้ม หรือ จมูกหรือที่หลัง สาเหตุของการเกิดสิวหิน ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่ในเรื่องจำนวนของสิวหินที่เกิด ปกติแล้วจะเป็นผลมาจากพันธุกรรมและอายุที่เพิ่มขึ้น
สิวเม็ดข้าวสาร (Milia)
สิวเม็ดข้าวสาร เป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ตื้นและแข็ง สีขาวคล้ายไข่มุกหรือเม็ดข้าวสาร มีขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร โดยส่วนใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม จมูก หรือเปลือกตา คล้ายสิวผดซึ่งสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย บางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย สิวข้าวสารอาจหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน แต่ในบางกรณีหากเป็นสิวข้าวสารนานเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
วิธีการรักษาสิวหิน
การจี้ด้วยไฟฟ้า
การรักษาสิวหินด้วยการจี้ด้วยไฟฟ้าเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าความถี่สูงในการทำลายเนื้อเยื่อของสิวหิน ทำให้สิวหินฝ่อลงและหลุดออกไปในที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นเหมาะสำหรับสิวหินขนาดเล็กและจำนวนน้อย
การเลเซอร์
การรักษาสิวหินด้วยการเลเซอร์ เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีความแม่นยำสูง ทำลายเฉพาะเนื้อเยื่อของสิวหินโดยไม่กระทบต่อผิวหนังบริเวณรอบข้าง และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นอีกด้วย เหมาะสำหรับสิวหินขนาดเล็กและอาจมีจำนวนน้อยไปถึงมาก
วิธีการป้องกัน สิวหิน
การป้องกันสิวหิน อาจยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากสาเหตุการเกิดสิวหินส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือการขยายตัวของท่อเหงื่อใต้ผิวหนัง อย่างไรก็ตาม การป้องกันบางวิธีก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเกิดสิวหินใหม่ได้
1. รักษาความสะอาดผิวหน้า
การล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนสามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการสะสมของเหงื่อที่อาจกระตุ้นการเกิดสิวหินได้ อย่างการใช้ Eucerin PRO ACNE SOLUTION 3X TREATMENT GEL TO FOAM CLEANSER เจลล้างหน้าสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย ที่ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินไปพร้อมๆ กับการลดปัญหาสิวด้วย 2% Salicylic Acid ที่ช่วยขจัดสิ่งอุดตันลึกถึงต้นตอ พร้อมผลัดเซลลผิวอย่างอ่อนโยน และลดรอยสิวด้วย AHA/BHA/PHA acid complex และยังมีสาร Glycerin ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นเสริมปราการผิวให้แข็งแรง เนื้อเจลโฟมฟองนุ่ม อ่อนโยนต่อผิวสำหรับคนเป็นสิว
2. ลดการใช้เครื่องสำอาง
การลดการใช้เครื่องสำอาง ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่อาจช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวหินได้ เพราะเครื่องสำอางบางชนิดอาจอุดตันรูขุมขน และเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดสิวหินได้ การลดการใช้เครื่องสำอางจึงช่วยลดโอกาสการระคายเคืองของผิว
3. หลีกเลี่ยงอากาศร้อน
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนหรือการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดเหงื่อออกมาก เพราะเหงื่ออาจทำให้ท่อเหงื่อใต้ผิวหนังขยายตัวและนำไปสู่การเกิดสิวหินได้
4. การใช้ครีมกันแดด
การป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยการใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิว จะช่วยป้องกันการระคายเคืองและการอุดตันของท่อเหงื่อที่อาจทำให้เกิดสิวหิน
5. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากพบว่ามีสิวหินเกิดขึ้นที่ผิวบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้ายผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาที่เหมาะสม เพื่อเข้ารับการรักษาสิวหินที่ถูกต้องและถูกวิธี
การเป็นสิวหินอาจเป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญใจให้กับใครหลายๆคน แต่หากเราเข้าใจและรู้วิธีรักษาอย่างถูกต้อง ก็สามารถป้องกันและรักษาการเกิดสิวหินได้
แนะนำผลิตภัณฑ์จาก Eucerin
Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM
Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองสิวด้วย Licochalcone A และ Panthenol ช่วยปลอบประโลม และเสริมปราการผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินด้วย 2X Carnitine ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวด้วย Decanediol พร้อมดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ถึงต้นตอด้วย AHA/BHA/PHA จบปัญหาสิวซ้ำซากใน 7 วัน และลดการอักเสบของสิวใน 8 ชม.
คำถามที่พบบ่อย (2)
-
สิวหินหลุดเองได้ไหม
โดยทั่วไปสิวหินมักจะไม่หลุดหรือหายไปเองตามธรรมชาติ เนื่องจากมันเกิดจากการขยายตัวของท่อเหงื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นโครงสร้างถาวรที่ไม่ได้ถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ หากต้องการกำจัดสิวหิน จะเป็นการเลเซอร์ การจี้ด้วยไฟฟ้า การผ่าตัดขนาดเล็ก เพื่อทำให้สิวหินหลุด และการรักษาดังกล่าวควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็น
-
สิวหินรักษา กี่วันหาย
การรักษาสิวหิน ให้หายขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและสภาพผิวของแต่ละคน
- รักษาด้วยเลเซอร์ สิวหินจะถูกทำลายและผิวหนังจะเริ่มฟื้นตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์สำหรับรอยแดงหรือสะเก็ดแผลที่เกิดจากการรักษาให้หายไป ผิวหนังอาจต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ในการฟื้นตัวเต็มที่
- การจี้ด้วยไฟฟ้า หลังการจี้ด้วยไฟฟ้า ผิวหนังอาจมีรอยแดงและบวม ซึ่งจะลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ การหายสนิทของผิวหนังอาจใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของแต่ละบุคคล
- การผ่าตัดขนาดเล็ก การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดขนาดเล็กมักจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์สำหรับแผลหาย และ 4-6 สัปดาห์สำหรับผิวหนังที่จะกลับสู่สภาพปกติ