สิวขึ้นหน้าผาก สาเหตุคืออะไร พร้อม 3 ขั้นตอน จัดการสิวหน้าผาก เพื่อผิวเนียนใส

สิวที่หน้าผาก คาง และแก้ม คือตำแหน่งที่สิวมักจะผุดขึ้นมาบ่อยๆ โดยเฉพาะ สิวที่หน้าผาก มักจะเป็นสิวอุดตัน มีลักษณะคล้ายๆสิวผด แต่ต่างกันตรงที่หากเป็นสิวอุดตันมักจะเกิดขึ้นในคนที่มีสภาพผิวมัน และเป็นปัญหาผิวเรื้อรังที่เกิดขึ้นได้เป็นประจำ ส่วนสิวผดจะพบมากในผิวบอบบางแพ้ง่าย และเกิดขึ้นชั่วคราวเมื่อถึงผิวหน้าสัมผัสกับปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจกลายเป็นสิวเม็ดใหญ่หรือสิวอักเสบได้เช่นกัน ฉะนั้นเรามาดูสาเหตุของการเกิดสิวที่หน้าผาก พร้อมวิธีดูแลและรักษา เพื่อบอกลาปัญหาเป็นสิวที่หน้าผากเหล่านี้กัน

สิวขึ้นที่หน้าผาก เกิดได้หลายสาเหตุแต่สาเหตุหลักจะเกี่ยวกับต่อมไขมันและการอุดตันของรูขุมขนเหมือนการเกิดสิวปกติ ซึ่งมีปัจจัยสาเหตุ ดังนี้

ต่อมไขมันที่หน้าผาก

หน้าผากอยู่ในบริเวณที่เรียกกันว่า ทีโซน (T-Zone) ซึ่งมีจำนวนต่อมไขมันที่มากกว่าบริเวณอื่น จึงมีการผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมากกว่าบริเวณอื่นบนใบหน้า ทำให้สิวขึ้นหน้าผากได้ง่าย

การอุดตันของสิ่งสกปรก

สิ่งสกปรกต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง ฝุ่น ควัน ผลิตภัณฑ์กันแดด และเหงื่อ ล้วนทำให้สิวขึ้นหน้าผากได้หากล้างหน้าไม่สะอาด ทำให้สิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าเกิดการอุดตันในรูขุมขนและเกิดเป็นสิวขึ้นที่หน้าผาก

ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

ความเครียดและการนอนดึกจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และเกิดเป็นสิวขึ้นหน้าผากได้ในที่สุด

มือสกปรกไปสัมผัส

มือที่ไม่สะอาดอาจมีแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ หากมีพฤติกรรมชอบเอามือไปสัมผัสหน้าผากหรือเสยผมบ่อยๆ พอมาเจอกับน้ำมันบริเวณทีโซนจึงยิ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดสิวที่หน้าผาก

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแชมพู หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้ จากสารเคมีหรือสิ่งตกค้างบนเส้นผมที่สัมผัสกับหน้าผากของเรา จนเกิดการอุดตันหรือแพ้ได้

หน้าผากเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้า ที่ประกอบไปด้วยรูขุมขนต่างๆ ทำให้สิวที่หน้าผากเกิดขึ้นได้แทบทุกประเภทสิวได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

สิวอักเสบที่หน้าผาก

สิวอักเสบ (Inflammatory acne) เกิดจากปฎิกิริยาของผิวหนังต่อสิ่งแปลกปลอม ที่มีแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว โดย P.acnes คือ สาเหตุของสิวอักเสบ เพราะสามารถดึงดูดเม็ดเลือดขาวเข้ามาในตุ่มสิว กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และยังมีเอนไซม์ช่วยในการย่อยน้ำมัน (Sebum) ในตุ่มสิวให้กลายเป็นกรดไขมันที่มีฤทธิ์ส่งผลให้เกิดการอักเสบอีกด้วย ทำให้บริเวณหน้าผากสามารถเป็นได้ทั้ง

• สิวตุ่มนูนแดง
• สิวหัวหนอง
• สิวหัวช้าง

สิวอุดตันที่หน้าผาก

สิวอุดตัน (Comedones) เกิดจากไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว จับรวมตัวกับสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ฝุ่นควัน เครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งเซลล์ผิวหนังของเราที่ตายแล้ว จนเกิดการอุดตันขึ้นและยังมีสาเหตุของสิวอุดตันอื่นๆอีกด้วย จนเกิดเป็นสิวอุดตันที่หน้าผากที่ไม่ร้ายแรงนักอย่าง

• สิวอุดตันหัวดำ
• สิวอุดตันหัวขาว

สิวผดที่หน้าผาก

สิวผด (Acne Aestivalis) มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ไม่มีหัว จำนวนมากคล้ายผื่น กระจายอยู่ทั่วบริเวณที่เกิด เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกสากๆ ที่ผิวหนัง ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ

วิธีรักษาสิวที่หน้าผาก มีหลากหลายวิธีไม่ว่าจะการใช้ยาทาสิวหรือครีมลดสิว เพื่อให้ผิวเรียบเนียน

1. การใช้ยา รักษาสิวที่หน้าผาก

การใช้ยาทาเพื่อรักษาสิวที่หน้าผาก สามารถใช้ยาทาเพื่อรักษาสิวได้ แต่ต้องใช้แบบถูกวิธี และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนังอย่างใกล้ชิด อย่างการใช้ยาที่มีส่วนผสมของ

• Topical retinoids เช่น Tretinoin และ Adapalene จะออกฤทธิ์ ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน หรือลดการอักเสบด้วย ใช้สำหรับรักษา สิวอุดตันและสิวอักเสบ
• Benzoyl Peroxide มีฤทธิ์ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
• Topical Antibiotic มีฤทธิ์ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ควรใช้ควบคู่กับยา Benzoyl Peroxide เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียดื้อยา
• Azelaic acid เป็นยารักษาสิวอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ผลัดเซลล์ผิว และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มักจ่ายยานี้เมื่อคนไข้เกิดอาการข้างเคียงจากยารักษาสิว Benzoyl Peroxide หรือ Topical retinoids

2. การทำเลเซอร์ รักษาสิวที่หน้าผาก

การทำเลเซอร์ รักษาสิวที่หน้าผาก เป็นวิธีการรักษาสิวที่เห็นผลไว และสามารถแก้ปัญหาสิวได้ดี แต่อาจมีผลทำให้ผิวบางลง และผิวหน้าไวต่อแสง ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนังอย่างใกล้ชิด

3. แปะแผ่นดูดสิวที่หน้าผาก

การแปะแผ่นดูดสิวเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบในชั้นผิวหนังตื้นๆ โดยแผ่นดูดสิวจะช่วยดูดหนอง ของเหลว หรือไขมันส่วนเกินออกจากผิวหนัง ทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น และยังช่วยป้องกันการสัมผัสสิวโดยไม่ตั้งใจ ลดการติดเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่เหมาะกับสิวตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่หรือสิวหัวช้างที่มีการอักเสบในชั้นผิวหนังลึก

4. การใช้ยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดมักใช้รักษาสิวในเพศหญิง เนื่องจากมีผลต่อระดับฮอร์โมนของร่างกาย แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงและมีผลต่อการทำงานของยาอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกัน ทั้งนี้ ไม่ใช่ยาคุมกำเนิดทุกชนิดจะได้ผลดีในการรักษาสิว

5. กดสิว

การกดสิว (Comedone Extraction) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและเห็นผลทันที แต่จะสามารถทำได้เฉพาะกับสิวอุดตันเท่านั้น และการกดสิวไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดรอยดำและแผลเป็น และอาจทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นสิวอักเสบได้ การกดสิวอย่างถูกวิธีควรให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้กดสิว ร่วมกับวิธีการรักษาอื่นๆ อย่างการทายาหรือการรับประทานยา

6. ฉีดสิว

การฉีดสิว (Acne Injection) เป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับสิวอักเสบ สิวหนอง สิวขึ้นที่หน้าผากไม่มีหัว หรือสิวซีสต์ โดยแพทย์จะฉีดยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) เข้าไปในตัวสิวโดยตรง วิธีนี้ช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น โดยจะเห็นผลภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม การฉีดสิวต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น

7. การฉายแสง LED

การฉายแสง LED (Light Emitting Diode Therapy) เป็นการรักษาสิวด้วยแสง โดยใช้แสงสีน้ำเงิน (blue light) ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวและช่วยลดการอักเสบ การรักษาด้วยแสง LED นี้เป็นวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดรอยแผล เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบที่หน้าผาก หรือจุดอื่นๆ บนใบหน้า ที่ไม่ต้องการรักษาด้วยการกินยา

8. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

การปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดสิวที่หน้าผาก หากสิวที่หน้าผาก เกิดมีอาการที่รุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องของแต่ละบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและแม่นยำ

การป้องกันสิวที่หน้าผาก เราสามารถดูแลและป้องกันการเกิดสิวที่หน้าผากได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งยาและเป็นการแก้ปัญหาสิวขึ้นหน้าผากในระยะยาวด้วย เช่น

1.รักษาความสะอาด

การล้างหน้าให้สะอาดไม่ได้หมายความว่าให้ล้างหน้าบ่อยๆ เพราะแท้จริงแล้วยิ่งล้างหน้าบ่อยก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นการเกิดสิวให้รุนแรงยิ่งขึ้น เพราะเมื่อล้างหน้าบ่อย จะทำให้ผิวหน้ายิ่งแห้งและต้องผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อรักษาสมดุล ทำให้อาจเกิดสิวขึ้นหน้าผากเพิ่มขึ้นได้ จึงควรล้างหน้าวันละ 2-3 ครั้ง ด้วยน้ำสะอาดและผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดสิว ลดความมัน อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น เพื่อกำจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรีย

2.ใช้สกินแคร์ดูแลสิวที่เหมาะสม

นอกจากการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ช่วยลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวที่หน้าผากแล้ว ควรแต้มสิวด้วยครีมแต้มสิวที่ผลัดเซลล์ผิวเพื่อกำจัดสิวอย่างอ่อนโยน และลดการอุดตัน นอกจากนี้ยังต้องมีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอหรือแห้งลอกจากการรักษาสิวให้กลับมาชุ่มชื้น สุขภาพดี

แต่หากมีสิวในระดับรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรซื้อยามารับประทานหรือรักษาเอง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้

3.ไม่แคะ แกะ เลี่ยงการสัมผัสใบหน้า

ไม่ไปรบกวนผิวหน้า เช่น ขัดหน้า เช็ดถูหน้า แกะ เกาใบหน้า เพราะหากมือไม่สะอาดก็เท่ากับเป็นการกระตุ้นสิวที่หน้าผากให้ลุกลามมากยิ่งขึ้น

ขอแนะนำ Eucerin PRO ACNE SOLUTION 3X TREATMENT GEL TO FOAM CLEANSER เจลล้างหน้าสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย ที่ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินไปพร้อมๆ กับการลดปัญหาสิวด้วย 2%Salicylic Acid ที่ช่วยขจัดสิ่งอุดตันลึกถึงต้นตอ พร้อมผลัดเซลลผิวอย่างอ่อนโยน และลดรอยสิวด้วย AHA/BHA/PHA acid complex และยังมีสาร Glycerin ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นเสริมปราการผิวให้แข็งแรง เนื้อเจลโฟมฟองนุ่ม อ่อนโยนต่อผิวสำหรับคนเป็นสิว

และขอแนะนำ Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองสิวด้วย Licochalcone A และ Panthenol ช่วยปลอบประโลม และเสริมปราการผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินด้วย 2X Carnitine ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวด้วย Decanediol พร้อมดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ถึงต้นตอด้วย AHA/BHA/PHA จบปัญหาสิวซ้ำซากใน 7 วัน และลดการอักเสบของสิว สิวยุบไวภายใน 8 ชม.

สิวขึ้นหน้าผาก หากปล่อยเอาไว้จนสิวเพิ่มปริมาณมากขึ้นก็จะยิ่งรักษาได้ยากขึ้น และอาจกลายเป็นสิวอักเสบที่รุนแรงขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อทราบถึง สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวที่หน้าผากแล้ว ควรรักษาความสะอาดของใบหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่เหมาะสม เลี่ยงการสัมผัสผิวหน้า หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นสิวที่เดิมซ้ำๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการรักษาสิวที่หน้าผากให้ลดลงอย่างถูกวิธี