สิวที่คอและหลังคอเกิดจากอะไร รักษาอย่างไรดี

อ่านแล้ว 0 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

สิวไม่ใช่เพียงปัญหากวนใจบนใบหน้าเพียงเท่านั้น เพราะยังสามารถเกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆ ได้ อย่างในบริเวณคอหรือหลังคอ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นสิวอักเสบแบบไม่มีหัว จับแล้วจะรู้สึกเจ็บ ยากต่อการกดหรือบีบ ซึ่งเมื่อยุบตัวแล้วยังทิ้งรอยดำรอยแดงไว้ให้ปวดใจอีกด้วย สิวที่คอเกิดขึ้นจากอะไร ทำไมบางคนถึงเป็น บางคนถึงไม่เป็น วันนี้เรามีคำตอบพร้อมคำแนะนำมาฝาก



สิวที่คอ

สาเหตุของสิวที่คอ เกิดจากอะไร?

การเกิดสิวในตำแหน่งคอ หรือหลังคอนั้น มักจะเกิดจากการมีต่อมไขมันบริเวณนั้นมากเป็นพิเศษ ทำให้เกิดการอุดตันจึงทำให้เป็นสิวอักเสบตามมาไม่รู้ตัว นอกจากปัจจัยนี้แล้วยังเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน เช่น

  1. รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอย่างเนื้อสัตว์ ของทอด หรือของหวานไขมันสูง ทำให้เกิดสิวบริเวณลำคอได้ เพราะไขมันจากอาหารจะออกมาตามรูขุมขน
  2. รักษาความสะอาดไม่มากพอ บางคนเน้นทำความสะอาดใบหน้า แต่บริเวณคอนั้นก็พบเจอสิ่งสกปรกในแต่ละวันเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรละเลย
  3. ยาสระผมคือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสิวที่คอหรือหลังคอเช่นกัน หลายคนอาจไม่รู้ว่าการเลือกยาสระผมที่มีซิลิโคน อาจทำให้เกิดปัญหารูขุมขนอุดตัน จนกลายเป็นสิวที่หลังคอได้
  4. ความอับชื่นคืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่คอ ความอับชื่นทำงานของรูขุมขนขับสารคัดหลั่งเปลี่ยนไปทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดการอักเสบ กลายเป็น “สิวผด” ซึ่งอาจมีอาการคันร่วมด้วยโดยอาจมีสาเหตุมาจาก “เชื้อรา” มักจะเกิดในช่วงอากาศร้อนชื้น หรือช่วงที่ทำกิจกรรมและมีเหงื่อออกจำนวนมาก ทำให้เสื้อผ้าอับชื้น ทำให้กลายเป็นสิวเรื่อรังได้

สิวขึ้นคอเกิดจาก

ประเภทของสิวที่คอ

สิวที่คอเป็นปัญหาผิวพรรณที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในวัยรุ่นและวัยทำงาน สาเหตุหลักมาจากการที่บริเวณคอมีต่อมไขมันจำนวนมาก ซึ่งสามารถเกิดการอุดตันและนำไปสู่การเกิดสิวได้หลายประเภท มาทำความรู้จักกับลักษณะ อาการของสิวแต่ละประเภทที่มักพบบริเวณคอกัน

1. สิวอุดตันที่คอ

สิวอุดตันถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผิวที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน(Sebum) และแบคทีเรีย โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  • สิวหัวดำ (Blackheads) หรือ สิวหัวเปิด (Open Comedone) สิวหัวดำมีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก เกิดจากการที่สิ่งอุดตันในรูขุมขนสัมผัสกับอากาศแล้วเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกขรุขระเล็กน้อย
  • สิวหัวขาว (Whiteheads) หรือ สิวหัวปิด (Closed Comedone) สิวหัวขาวมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแข็งๆขนาดเล็ก สีขาวหรือใกล้เคียงกับสีผิว เกิดจากการอุดตันใต้ผิวหนังที่ยังไม่สัมผัสอากาศ การรักษาทำได้ยากกว่าสิวหัวดำเพราะหัวสิวอยู่ใต้ชั้นผิวต้องสัมผัสถึงจะรู้ และหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้

 

2. สิวอักเสบที่คอ

สิวอักเสบ (Inflamed Acne) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบในระดับต่างๆ ดังนี้

  • สิวตุ่มแดง (Papule)  เป็นสิวอักเสบระยะเริ่มต้น มีลักษณะเป็นตุ่มแดงไม่มีหัวหนอง เจ็บเมื่อสัมผัส เกิดจากการอักเสบในชั้นผิวหนังตื้นๆ แม้จะยังไม่รุนแรง แต่ควรได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการลุกลาม
  • สิวหัวหนอง (Pustule)  สิวหัวหนองเป็นระยะสิวที่มีการอักเสบมากขึ้น มีลักษณะเด่นคือมีจุดหนองสีขาวเหลืองบริเวณหัว ล้อมรอบด้วยวงแดง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมัน เชื้อแบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
  • สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)  สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่มีแบคทีเรียเจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว มีลักษณะเป็นตุ่มและไตสีแดงที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่จับตัวรวมกันภายใต้ชั้นผิวหนัง บวมแดงนูนขึ้นมา มีอาการเจ็บและปวดเล็กน้อย และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลเป็น

 

3. สิวอักเสบรุนแรงที่คอ

  • สิวอักเสบรุนแรง หรือ Nodulocystic เป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรงที่สุด เกิดในชั้นผิวหนังลึก มีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่ มีของเหลวสะสมภายใน อาจมีสีแดง ชมพู หรือสีเดียวกับสีผิว ก่อให้เกิดความเจ็บ ปวดรุนแรงเมื่อสัมผัส และมีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลเป็นถาวรหากหนองสิวแตก จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ

 

4. สิวผดที่คอ

  • สิวผด (Acne Aestivalis หรือ Acne Mallorca) แท้จริงแล้วไม่ใช่สิวแต่เป็นผดผื่นชนิดหนึ่ง มักเกิดจากการสัมผัสแสงแดดหรือรังสี UVA มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ ขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มักขึ้นเป็นกลุ่ม อาจมีอาการคันร่วม พบได้บ่อยในช่วงฤดูร้อนหรือในสภาพอากาศร้อนและชื้น

 

การดูแลสิวที่คอต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่ควรบีบ กด หรือแกะสิวเด็ดขาด เพราะอาจทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้นและเกิดแผลเป็นได้ ควรรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และหากมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

วิธีรักษาสิวที่คอ

สำหรับการรักษาสิวที่คอนั้น มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งสามารถทำได้เองในทุกวัน ลองมาใช้วิธีตามนี้กัน

 

1. การใช้ยาทา

การรักษาด้วยยาทาเป็นวิธีพื้นฐานที่นิยมใช้ในการรักษาสิวที่คอ โดยมียาหลักที่มีประสิทธิภาพดังนี้
  • เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เป็นยาทาที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โอกาสแพ้น้อยและไม่ทำให้เกิดการดื้อยา
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและผลัดเซลล์ผิว พร้อมทั้งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
  • ยากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) อยู่ในกลุ่มของสารประกอบประเภทวิตามินเอช่วยลดการอุดตันและการอักเสบ แต่อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดด จำเป็นต้องทาครีมกันแดดเสมอ

 

 

2. การใช้ยารับประทาน

  • ยาปรับฮอร์โมน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมน โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ไม่แนะนำสำหรับผู้ชาย

การใช้ยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอจำเป็นต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำและการสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น หากมีอาการแพ้ยาควรหยุดใช้และรีบไปพบแพทย์ทันที

 

3. การแปะแผ่นดูดสิว

  • วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับสิวหัวหนอง โดยแผ่นจะช่วยดูดซับหนองและของเหลวออกจากสิว ทำให้สิวยุบเร็วขึ้น พร้อมทั้งป้องกันการสัมผัสและการติดเชื้อเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่เหมาะกับสิวอุดตันหรือสิวอักเสบที่อยู่ลึกในชั้นผิวหนัง

หากมีอาการแพ้หรือระคายเคือง ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันทีและปรึกษาแพทย์ สำหรับสิวที่มีการอักเสบรุนแรงควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

 

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ในการรักษาสิว

ใช้ผลิตภัณฑ์ในการรักษาสิวที่กรอบหน้า สิวที่คอโดยเฉพาะ อย่าง Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่คอยช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ดูแลปัญหาสิวพร้อมควบคุมความมันส่วนเกินที่จะเกิดขึ้น ทำให้ปัญหาสิวลดลง ลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ ช่วยลดแบคทีเรียก่อสิว และดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้พร้อมๆ กัน ช่วยจบปัญหาสิวใน 7 วัน และยังลดการอักเสบของสิว สิวยุบไวภายใน 8 ชม.

 

แต่หากรู้สึกว่าเป็นหนักขึ้นจนก่อให้เกิดความเจ็บปวดและไม่สบายใจ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ส่วนใครที่อยากเรียกผิวคอที่เรียบเนียนกลับมา

วิธีรักษาสิวที่คอ

วิธีรักษารอยสิวที่คอ

เมื่อสิวหายอักเสบหรือยุบลง ก็เป็นธรรมดาที่จะทิ้งรอยสิวเอาไว้ ผิวหนังบริเวณที่อักเสบจะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวให้เพิ่มมากขึ้นที่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดรอยดำหรือรอยคล้ำหลงเหลืออยู่ แพทย์เรียกอาการแบบนี้ว่า จุดด่างดำ หากไม่ได้รับการรักษารอยสิว จุดด่างดำที่เกิดก็จะอยู่กับคุณไปเป็นเดือน ทางที่ดีควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางหรือครีมรักษารอยสิวที่มีส่วนผสมของ retinoids เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว ก็จะช่วยได้ แต่ถ้ายังคิดไม่ออก วันนี้เรามีตัวช่วยดีๆ มาแนะนำกัน

รักษารอยสิวที่คอ

Eucerin Pro ACNE SOLUTION TRIPLE EFFECT SERUM ที่ช่วยลดสิว ลดรอยสิว และคุมมันที่มีเนื้อบางเบา โดยมีสารสำคัญอย่าง ไทอามิดอล THIAMIDOL™สารไบรท์เทนนิ่งประสิทธิภาพดีที่สุดจากยูเซอริน ที่ช่วยตัดตอนรอยดำลึกถึงจุดกำเนิด ด้วยกลไกที่สำคัญที่สุด สำหรับลดเลือนจุดด่างดำต่างๆ ให้ดูลดเลือนได้มากถึง 75% และช่วยจบปัญหารอยดำและจุดด่างดำทุกประเภท ปรับให้ผิวดูกระจ่างใสใน 2 สัปดาห์ พร้อมลดโอกาสเกิดรอยสิวซ้ำ และยังมีสาร Salicylic Acid สารสกัดธรรมชาติที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดรอยดำจากสิวที่ฝังลึก พร้อมปรับสีผิวหมองคล้ำด้วยลิโคชาลโคน เอ และเทคโนโลยี Sebum Regulating ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าอีกด้วย

เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และเห็นผลชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อใช้คู่กับตัว Eucerin PRO ACNE SOLUTION 3X TREATMENT GEL TO FOAM CLEANSER โดยผู้ใช้จริงกว่า 92% ยืนยันว่า 95% ช่วยลดปัญหาสิวลดลง 92% รอยสิวลดลง และ 97%ความมันลดลง ยืนยันจากผู้ใช้จริง หลังใช้ภายใน 7 วัน

วิธีป้องกันไม่ให้สิวขึ้นที่คอ

  1. รักษาความสะอาด การรักษาความสะอาดถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เช่น การออกกำลังกาย ควรอาบน้ำและทำความสะอาดผิวทันที เพราะเหงื่อที่คงค้างอยู่บนผิวเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
  2. รักษาความสะอาดของเครื่องแต่งหน้า อย่างพวกแปรงแต่งหน้า พัฟแต่หน้า รวมถึงฟองน้ำที่ใช้ในการแต่หน้าให้สะอาดอยู่เป็นประจำ
  3. เลือกยาสระผมที่อ่อนโยน ใช้ยาสระผมที่ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน เพราะสารดังกล่าวทำให้อุดตันรูขุมขนได้ง่าย และที่สำคัญควรเป่าผมให้แห้งทุกครั้ง เพื่อลดความอับชื่นบริเวณลำคอ
  4. เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่มีคอปก อย่างเสื้อเชิ้ต และเสื้อโปโล เพราะเสื้อผ้าที่คับหรือรัดจะก่อให้เกิดการเสียดสีและระคายเคืองผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
  5. หลีกเลี่ยงการสวมเครื่องประดับที่คอ ที่อาจเสียดสีกับผิวหนังโดยตรง เพื่อลดการระคายเคืองที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิว
  6. เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่ปราศจากสารก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันเสีย พาราเบน หรือน้ำหอม เพราะส่วนผสมเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นการเกิดสิวได้  
  7. ปรึกษาแพทย์ หากพบว่ามีสิวขึ้นที่คอเป็นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือการดูแลด้วยตนเองไม่ได้ผล ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพราะบางครั้งการเกิดสิวอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

 

 

การเป็นสิว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของร่างกาย ล้วนต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง สำคัญที่สุดคือควรรักษาความสะอาดในทุกส่วนของร่างกายให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการลดการอุดตันของรูขุมขนผิว จุดเริ่มต้นที่ทำให้เป็นสิวนั่นเอง

คำถามที่พบบ่อย (3)

  • สิวที่คอ เกิดจากอะไร

    สิวที่คอ มักเกิดจากการมีต่อมไขมันบริเวณนั้นมากเป็นพิเศษ ทำให้เกิดการอุดตันจึงทำให้เป็นสิวอักเสบตามมาไม่รู้ตัว และรวมถึงการไม่รักษาความสะอาดบริเวณคอ ความอับชื้น การแพ้ยาสระผมที่มีสารรุนแรงไม่อ่อนโยนต่อผมและผิว

  • สิวที่คอ กี่วันหาย

    การรักษาสิวที่คอขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีรักษาสิว สิ่งสำคัญที่สุดคือทำความสะอาดผิวที่คอให้สะอาดที่สุด การเลือกใช้ยาสระผมที่อ่อนโยน และใช้ครีมแต้มสิวสำหรับคนเป็นสิว เพราะตัวยาจะช่วยลดการอักเสบของสิว

  • สิวขึ้นที่คอ เป็นอาการของโรคอะไรได้บ้าง

    โรคผิวหนังอักเสบ: เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม การสัมผัสสารระคายเคือง หรือการติดเชื้อ โรคผิวหนังอักเสบมีหลายประเภท เช่น โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (atopic dermatitis) โรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส (contact dermatitis) โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง (eczema)

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง