ตาบวมเป็นปัญหาทั่วไปที่ใครหลายคนต้องเผชิญ ซึ่งอาการตาบวมอาจเกิดจากหลายปัจจัยอย่างการนอนหลับไม่เพียงพอ ภูมิแพ้ ความเครียด การร้องไห้ และอายุที่มากขึ้น แต่หากเรารู้วิธีรักษาตาบวมที่ถูกวิธีและได้ผล ด้วยวิธีง่าย ๆ ทำได้ที่บ้านก็สามารถทำให้ตาของเรากลับมาดังเดิมได้
ตาบวม เกิดจากอะไร
ตาบวม (Swollen eyes) เกิดจากการคั่งตัวของน้ำหรือเกิดการอักเสบในบริเวณรอบดวงตา ส่วนใหญ่เกิดจากเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณที่อ่อนแอและความยืดหยุ่นลดลง จนทำให้เกิดถุงใต้ตาบวม ส่วนมากอาการตาบวมจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นมาแค่ชั่วคราว และมีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ แต่หากอาการรุนแรงหรือเกิดการอักเสบไม่หายควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ลักษณะของอาการตาบวม
- เปลือกตาบวม ตึงหมือนมีของเหลวคั่งอยู่ในเปลือกตา
- อาจะมีอาการร่วมอย่าง ตาแดง ตาแห้ง แสบตา ระคายเคืองตา
- ในบางสาเหตุก็ทำให้มีขี้ตา หรือน้ำตาไหลมากผิดปกติ
- หากคลำแล้วมีก้อนแข็งๆหรือมีหนองที่ตา ควรพบแพทย์ทันที
สาเหตุที่ทำให้ ตาบวม
สาเหตุของการเกิดตาบวมมีหลากหลายสาเหตุ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
ภาวะตาบวมแบบชั่วคราว
- ระบบน้ำตาที่ผิดปกติ เช่น หลุมน้ำตาอุดตัน หรือการไหลของน้ำตาที่ไม่ปกติ
- อาการแพ้ สามารถเกิดได้จากหลายตัวแปร เช่น ฝุ่นละออง, แมลง, อาหาร หรือสารเคมีที่เข้าสัมผัสกับดวงตา
- การอักเสบ เช่น อักเสบของเยื่อบุตา, อักเสบของเส้นใยตา, หรือการติดเชื้อในดวงตา
- การคั่งตัวของน้ำ เช่น การคั่งตัวของน้ำใต้ผิวตา หรือการคั่งตัวของน้ำตาในกระจกตา
- การเกิดแผลบริเวณดวงตา เช่น การชนหรือการบาดเจ็บที่ดวงตา
- การนอนหลับไม่เพียงพอ เมื่อเราพักผ่อนไม่เพียงพอร่างกายของเราจะกักเก็บของเหลวไว้ ซึ่งสามารถสะสมบริเวณรอบดวงตาและทำให้เกิดอาการบวมได้ และการอดนอนยังทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาอีกด้วย
- ความเครียด เมื่อร่างกายมีความเครียด ต่อมหมวกไตจะปล่อยฮอร์โมนที่เรียกว่าคอร์ติซอล ซึ่งสามารถทำให้ของเหลวสะสมในเนื้อเยื่อ จึงทำให้เกิดอาการบวมและรวมทั้งอาการตาบวมรอบดวงตา
- ร้องไห้เป็นระยะเวลนาน การร้องไห้ทำให้เกิดถุงใต้ตาบวม เพราะร่างการดึงน้ำออกมา และทำให้เนื้อเยื่อรอบดวงตาได้ซับน้ำตาเอาไว้จำนวนมาก จนเกิดการไหลเวียนที่ผิดปกติ และเกิดอาการบวมบริเวณรอบดวงตา
- กรรมพันธ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เกิดตาบวมได้ เพราะเป็นการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ที่ทำให้เกิดการไหลเวียนของเหลวได้ไม่ดีจนทำให้ไขมันมากองรวมกันที่บริเวณใต้ตามากเกินไปจนทำให้เกิดการตาบวม
- อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นไขมันบริเวณรอบดวงตาจะหย่อนคล้อยลงมา เลยทำให้เบ้าตาลึก หนังตาหย่อนคล้อย
ภาวะตาบวมแบบถาวร
8 เคล็ดลับ วิธีแก้ตาบวม
1. การประคบเย็น
การประคบเย็นเป็นวิธีที่ดีและง่ายที่สุดในการลดอาการตาบวม และยังช่วยลดอาการบวมบริเวณรอบดวงตา เราสามารถใช้ผ้าขนหนูเย็น ถุงแช่แข็ง หรือผ้าปิดตาที่แช่เย็นในตู้เย็น มาประคบบริเวณดวงตาครั้งละ 10-15 นาที วันละหลายๆ ครั้งได้
2. ประคบตาด้วยแตงกวาแช่เย็น
การประคบตาด้วยแตงกวาแช่เย็นเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติเพื่อลดอาการตาบวมและรอยคล้ำรอบดวงตา เพราะความเย็นของแตงกวาที่ถูกฝานบางๆ จะช่วยลดการอักเสบและตาบวมได้ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระในแตงกวาจะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตากระจ่างใสและช่วยบำรุงผิว
3. ประคบตาด้วยถุงชา
การใช้ถุงชาประคบตาเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการบรรเทาดวงตาที่อ่อนล้าหรือเกิดอาการตาบวม เพราะคาเฟอีนและสารต้านอนุมูลอิสระในตัวชา จะสามารถช่วยลดการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนของผิว ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาสดชื่นขึ้น
4 .การระบายน้ำเหลืองด้วยการนวดตา
การกระตุ้นการระบายน้ำเหลืองจะช่วยลดการคั่งของน้ำและบรรเทาอาการตาบวมได้ การนวดเบา ๆ บริเวณรอบดวงตาโดยใช้นิ้วที่สะอาดวนเป็นวงกลม หรือสามารถใช้ครีมบำรุงที่อ่อนโยนทาบริเวณรอบดวงตา และใช้ปลายนิ้วกดเบา ๆ ไปตามทางเดินน้ำเหลือง โดยเริ่มจากมุมด้านในของดวงตาและเคลื่อนไปยังขมับและลงไปที่แนวกราม
5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของอาการตาบวม เพราะการนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับร่างกายของเรา เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมได้อย่างเต็มที่ ควรนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืนเพื่อให้ดวงตาของเราดูสดใสและมีสุขภาพดี
Tips : การนอนหนุนหมอนให้ศีรษะให้สูงขึ้น สามารถช่วยป้องกันการสะสมของของเหลวรอบดวงตา และทำให้หน้าไม่บวมอีกด้วย
6. การดูแลปกป้องดวงตา
การดูแลดวงตาที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันและลดอาการตาบวมได้ ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือการสัมผัสดวงตามากเกินไป เพราะอาจทำให้ตาของเราเกิดการอักเสบและแย่ลงได้ ควรทำความสะอาดดวงตาอย่างอ่อนโยนเพื่อรักษาสุขอนามัยและขจัดสิ่งระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ และปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่มากเกินไปด้วยการสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสียูวี
7. การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
การแพ้เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการตาบวม การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้สามารถช่วยบรรเทาได้ อย่างการหลีกเลี่ยงละอองเกสร ไรฝุ่น หรือสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง การเลือกใช้เครื่องนอนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และทำความสะอาดพื้นที่อยู่อาศัยให้เป็นประจำเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
8. ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา
การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นอีกตัวช่วยหนึ่ง ที่ช่วยลดอาการบวมและความหมองคล้ำ และทำให้ผิวบริเวณรอบบดวงกระจ่างใสขึ้น อย่างการใช้ Eucerin EVEN RADIANCE DARK EYE CIRCLE CORRECTOR ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่ช่วยจัดการ 3 ปัญหาผิวรอบดวงตา ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา ช่วยลดถุงใต้ตา และริ้วรอยรอบดวงตาทำให้ผิวรอบดวงตาดูกระจ่างใส เปล่งประกาย
อาการตาบวมสามารถรักษาและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีที่ง่ายและได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการประคบเย็น การนอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ และรู้วิธีการดูแลดวงตาอย่างเหมาะสม ก็สามารถลดอาการบวมของดวงตาให้กลับมาสดใสเหมือนเดิมได้ และการดูแลผิวรอบดวงตาก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ผิวรอบดวงตาไร้ริ้วรอย และมีสุขภาพผิวที่ดี แต่หากอาการตาบวมยังคงมีอยู่หรือแย่ลง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษา
คำถามที่พบบ่อย (3)
-
ตื่นนอนแล้วตาบวมเกิดจากอะไร
ตาบวมในตอนเช้าอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ภูมิแพ้ การขาดน้ำ การอดนอน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และแม้แต่ยาบางชนิด ที่ทำให้เกิดการคั่งของน้ำบริเวณรอบดวงตา ซึ่งอาจทำให้รอบดวงตาบวมได้ หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดันโลหิตหรือยาต้านอาการซึมเศร้า ยาเหล่านี้อาจทำให้ตาบวมได้ ในบางกรณี ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์หากอาการบวมยังคงอยู่หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
-
ตาบวมควรประคบร้อน หรือประคบเย็น
ตาบวมรักษาได้ด้วยการประคบร้อนและเย็น ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการบวม หากอาการบวมเกิดจากอาการแพ้หรือการติดเชื้อไซนัส การประคบเย็นอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าในการลดการอักเสบและบรรเทาอาการไม่สบาย ในทางกลับกัน หากอาการบวมเกิดจากกุ้งยิงหรือท่อน้ำตาอุดตัน การประคบอุ่นสามารถช่วยกระตุ้นการระบายน้ำและลดอาการปวดได้ แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับวิธีรักษาตาบวม
-
ตาบวมกี่วันหาย
ระยะเวลาของตาบวม ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
- ถ้าเกิดจากการแพ้ มักหายภายใน 2-3 วัน
- การติดเชื้อแบคทีเรีย มักหายภายใน 7-10 วัน
- การติดเชื้อรา มักหายภายใน 2-4 สัปดาห์
แต่ถ้าเป็นโรคต่างๆที่มีอาการเรื้อรัง อาจใช้เวลานานกว่า 4 สัปดาห์ แนะนำควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง หากตาบวมผิดปกติมากเกิน 2 วัน มีก้อนแข็งเป็นไตหรือหนองภายในเปลือกตา หรือมีอาการเจ็บปวดตาบริเวณที่บวม