การแพ้เครื่องสำอาง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีผิวบอบบางและไวต่อการระคายเคือง อาจมีสาเหตุมาจากการแพ้ส่วนผสม สารสำคัญในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหน้าจนต่อยอดเป็นปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา ซึ่งหากสังเกตเห็นได้เร็วและได้รับการดูแลเบื้องต้นอย่างถูกวิธีก็จะช่วยลดระดับความรุนแรงของการระคายเคือง และหลีกเลี่ยงการแพ้ซ้ำซ้อนได้
‘แพ้เครื่องสำอาง’ สังเกตได้อย่างไร ?
การแพ้เครื่องสำอาง เป็นปฏิกิริยาที่ผิวแสดงอาการแพ้สารต่างๆ โดยเฉพาะสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ จนเกิดอาการผิวหนังแดง บวม มีผื่นคัน หรืออาการอื่นๆ เช่น ผิวหนังอักเสบ ผิวหนังลอก ผื่นแพ้สัมผัส ผิวไวต่อแสง เกิดการติดเชื้อ แม้เครื่องสำอางนั้นจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือออร์แกนิก ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน โดยอาการแพ้เบื้องต้นจะแตกต่างจากการเป็นลมพิษหรือผื่นคันทั่วไป สามารถสังเกตได้ดังนี้
- ผิวหนังบวม แดง คัน แสบร้อน เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้ หลังจากสัมผัสถูกสารก่อภูมิแพ้จะมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง มีอาการคัน บวม แดง ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง และมักรุนแรงมากที่สุดในช่วงวันที่ 2 หลังจากสัมผัสสาร
- เกิดผดผื่นเป็นจุดๆ มักเกิดจากส่วนประกอบจำพวกน้ำหอมหรือสารแต่งกลิ่น และสารกันบูด ยาย้อมผม เป็นต้น ทำให้รู้สึกคัน มีผื่นแดงหลังใช้ไปสักระยะ
- ผิวหนังลอกเป็นขุยๆ อาจเกิดได้จากกรดผลไม้ (AHA) BHA ยารักษาสิว ผลิตภัณฑ์สครับหรือขัดหน้า อาการแพ้อาจจะมีได้หลายระดับขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของสภาพผิวแต่ละบุคคล ซึ่งอาจจะเห็นอาการแพ้ขึ้นได้ในทันที ไปจนถึงมีอาการแพ้ภายหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ไประยะหนึ่ง
วิธีปฎิบัติและการดูแลผิวหนัาหลังแพ้เครื่องสำอาง
1. หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที :
ถ้าสงสัยว่าแพ้เครื่องสำอางชนิดไหน ให้หยุดใช้เครื่องสำอางชนิดนั้นทันที หากใช้เครื่องสำอางหลายชนิด ให้หยุดใช้งานผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่เพิ่งใช้แล้วเกิดอาการ หากหยุดใช้แล้วอาการดีขึ้นแสดงว่าเครื่องสำอางใหม่นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แพ้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นให้หยุดใช้ตัวอื่นๆ ที่สงสัยว่าแพ้เพื่อหาสาเหตุ นอกจากนี้ หากมีอาการแพ้มาก เช่น ผิวหน้าอักเสบ ให้หยุดใช้เครื่องสำอางทุกชนิด ต่อเมื่ออาการผิวหนังอักเสบทุเลาลงแล้ว ให้ลองใช้เครื่องสำอางทีละชนิดๆไป และหากเกิดผื่นคันขึ้นอีกก็ให้ลองหยุดตัวที่ใช้สุดท้าย ถ้าอาการหายไปก็อาจจะแพ้เครื่องสำอางชนิดนั้น
2. สังเกตและตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนการเลือกใช้งาน :
เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เพราะผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวจะมีส่วนประกอบที่ช่วยดูแลและฟื้นบำรุงสภาพผิวหน้าที่เหมาะสม และไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอม สารกันบูด
3. ทดสอบการแพ้เบื้องต้นก่อนการใช้งานจริง :
วิธีง่ายๆ ที่ช่วยพิสูจน์ว่าเครื่องสำอางชนิดใดเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแพ้เครื่องสำอางก็คือ ให้ทดสอบโดยทาเครื่องสำอางที่สงสัยว่าจะเป็นสาเหตุที่บริเวณท้องแขนวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ถ้าภายใน 1 สัปดาห์ ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ โอกาสแพ้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นก็มีน้อย แต่หากมีผื่นคันเกิดขึ้นให้หยุดใช้เครื่องสำอางชนิดนั้น
4. เลือกใช้สกินแคร์ผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ :
สกินแคร์ผิวแพ้ง่ายนอกจากจะมีคุณสมบัติในการช่วยปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายแล้ว ต้องมีประสิทธิภาพในการช่วยเสริมสร้างเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงตั้งแต่โครงสร้างภายในอย่าง เนื่องจากสภาพผิวที่เกิดผื่นคัน บวม แดง อักเสบ จากการแพ้เครื่องสำอาง เป็นผิวที่ถูกทำร้ายและอ่อนแอมาก จึงจำเป็นต้องได้รับการฟื้นบำรุงด้วยสกินแคร์อย่าง Ultra SENSITIVE Repair Cream ที่สามารถซ่อมบำรุงผิวหน้าให้ผิวดูแข็งแรงขึ้นจากภายใน ด้วยสูตรครีมบำรุงความชุ่มชื้นแบบเข้มข้น แต่ทว่าเบาสบายผิวไม่เหนอะหนะและไม่อุดตันผิว เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง เพราะเป็นสกินแคร์ที่มีนวัตกรรม Barrier Repair Innovation เพื่อลดปัญหาผิวระคายเคืองง่าย ไวต่อการถูกกระตุ้น และต้องมอบความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน หรือการอุดตัน UltraSENSITIVE Repair Cream สามารถลดความรู้สึกระคายเคืองหรือไม่สบายผิวด้วย Symsitive และ Licochalcone A และฟื้นบำรุง เสริมเกราะป้องกันผิว ให้และดูสุขภาพดีด้วย Dexpanthenol
สำหรับผู้ที่มีผิวมัน แพ้ง่าย ควรเลือกใช้เนื้อสัมผัสแบบเจล UltraSENSITIVE Repair Gel Cream ที่มีสารสำคัญ อย่าง Symsitive ที่ลดความรู้สึกไม่สบาย ระคายผิว และ Squalane ที่ให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิวจากปัจจัยต่างๆเช่น อากาศ ฝุ่น สารเคมีต่างๆ และด้วยเนื้อสัมผัสที่เป็นเนื้อเจล จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวมันหรือผิวผสม เพราะให้ความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวมันวาว
ระดับความรุนแรงของการแพ้เครื่องสำอางนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งหากสังเกตเบื้องต้นแล้วพบว่ามีอาการที่รุนแรงควรพบแพทย์ทันที ซึ่งแพทย์ผิวหนังจะมีการทดสอบทางผิวหนังด้วยวิธี Patch Test โดยใช้สารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางมาแปะที่แผ่นหลังของผู้ทดสอบ จากนั้นทิ้งไว้ 2 วัน แล้วจึงดูผลที่เกิดขึ้น หากเกิดผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ทดสอบการแพ้ก็แสดงว่าแพ้สารนั้น ซึ่งวิธีนี้มีประโยชน์สำหรับการเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ไม่มีสารที่แพ้ผสมอยู่ ทั้งนี้ถ้าเกิดอาการแพ้มากๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง ในบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ร่วมกับยาปฏิชีวนะ
แม้ว่าการแพ้เครื่องสำอางจะไม่มีสาเหตุและตัวกระตุ้นการเกิดที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีปัจจัยร่วมหลายอย่างตามแต่ละบุคคล แต่การใส่ใจในการเลือกใช้สกินแคร์ผิวแพ้ง่าย โดยการสังเกตส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้และอาการระคายเคืองต่างๆ ได้ นอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือและได้รับการรับรอง ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิว ก็จะช่วยให้เราเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น