ฮอร์โมนและสิวมีผลต่อผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันหรือไม่
ในช่วงวัยแรกรุ่นระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ซึ่งจัดเป็นฮอร์โมนเพศชายชนิดหนึ่งจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นทั้งในชายและหญิง ในผู้ชายฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ ส่วนในผู้หญิงฮอร์โมนนี้จะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก นอกจากนี้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนยังทำให้เกิดสิว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมสิวฮอร์โมนจึงปะทุออกมามากในช่วงวัยนี้ ดังนั้นในช่วงวัยรุ่นถึง 70% ต้องรับมือกับปัญหาผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวฮอร์โมน
อย่างไรก็ตาม ในวัยผู้ใหญ่กว่า 40% (อายุ 25 ปีขึ้นไป) ก็ได้รับผลกระทบจากสิวฮอร์โมนเป็นครั้งคราวเช่นกัน*1 โดย 75-85% เป็นผู้หญิง*2 ความแตกต่างระหว่างระดับฮอร์โมนในผู้ชายและผู้หญิงคือ ในขณะที่ผู้ชายมีฮอร์โมนคงที่มากกว่า แต่ฮอร์โมนในผู้หญิงจะผันผวน โดยมีปัจจัยหลัก 3 ประการ ที่อยู่เบื้องหลังคือ ช่วงที่มีประจำเดือน, การตั้งครรภ์, การหมดประจำเดือน
*1 - Zouboulis, Hautarzt 2014 · 65:733–750.
*2 - Zeichner et al., J Clin Aesthet Dermatolog., 2017; 10 (1): 37-46 and Holzmann, Sharkery, Skin Pharmacol Physiol 2014; 27: 3-8
ประจำเดือนมีผลกระทบจากฮอร์โมนหรือไม่
ตามการศึกษาทางด้านผิวหนังพบว่า 60% ของผู้หญิงเป็นสิวฮอร์โมนรุนแรงขึ้นใน ช่วงมีประจำเดือน*3 เนื่องจากในช่วงที่มีประจำเดือนระดับฮอร์โมนจะมีโอกาสแปรปรวนมากที่สุด และมีสิวเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษในช่วงมีประจำเดือน โดยปกติรอบเดือนมีระยะเวลา 28 วัน (นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนและสิ้นสุด 1 วัน ก่อนที่จะมีเลือดประจำเดือนอีกครั้ง) โดยในแต่ละวันระดับฮอร์โมนจะแตกต่างกัน
วันที่ 1 - 14 : ในช่วงนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่กำหนดลักษณะความเป็นหญิงจะมีระดับที่มากกว่าฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ส่งผลให้ผิวดูสวย และเปล่งปลั่ง
วันที่ 14 - 28 : ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มสูงขึ้นกว่าเอสโตรเจน เพื่อทำให้เกิดการหนาตัวของผนังมดลูก แต่เมื่อถึงเวลาที่ประจำเดือนมา ทั้งระดับเอสโตรเจน และโปรเจนเตอโรนจะลดต่ำลง ส่งผลให้ผนังมดลูกสลายตัวออกมาเป็นประจำเดือน และทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนซึ่งเป็นฮอรโมนเพศชายมีอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าจึงกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ส่งผลให้เกิดสิวฮอร์โมน
*3 - http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/features/period#1