ในบรรดาสารอาหารร่างกายต้องการ วิตามินอี เป็นอีกวิตามินที่สำคัญ ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ แล้ววิตามินอีสำคัญกับเราอย่างไร แล้วเราจะสามารถหาวิตามินอีได้จากที่ไหน
วิตามินอี กินก็ได้ ทาก็ดี มีประโยชน์
วิตามินอี ถือเป็นวิตามินที่มีบทบาทค่อนข้างมากทั้งในวงการสุขภาพและความงาม เพราะตัววิตามินอีช่วยในการทำงานของร่างกาย และเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระภายในระบบของร่างกาย รวมไปถึงระบบกล้ามเนื้อและตับที่ต้องการวิตามินอีในการทำงาน การนำวิตามินอีมาใช้ภายนอก เช่น การน้ำมาทาผิว หรือเส้นผมก็ช่วยเพิ่มเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและเส้นผมได้อีกด้วย
วิตามินอี คืออะไร
วิตามินอี มีอีกชื่อหนึ่งว่า Tocopherol คือ วิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน เป็นวิตามินสำคัญที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับแต่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ วิตามินอีเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ วิตามินอีมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ส่วนมากเรามักจะพบอยู่ 7 รูปแบบ ได้แก่ Alpha, Bera, Delta, Epsilon, Ota, Gamma และ Zeta
ประโยชน์ของวิตามินอี
ป้องกันการแตกของเม็ดเลือด ป้องกันการอุดตันของเม็ดเลือด ป้องกันการอักเสบ บำรุงตับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ซ่อมแซมผิว มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ตรงนี้เองที่จะช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มีการทำวิตามินอีไปเป็นส่วนผสมทั้งในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคต่าง ๆ
- เพิ่มความชุ่มชื้น
วิตามินอีสามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นระหว่างเซลล์ผิว ช่วยป้องกันไม่ให้ความชื้นหลุดออกไป ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง ไม่แห้งกร้าน วิตามินอีจะช่วยคืนสมดุลให้กับผิวและทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น - ช่วยลดริ้วรอย
ใครที่กังวลเกี่ยวกับริ้วรอยก่อนวัยอันควร ลองมองหาผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ผสมวิตามินอีมาใช้กันดูได้นะ วิตามินอีจะช่วยลดเลือดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวหน้า ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น - ลดรอยแผลเป็นและจุดด่างดำ
อีกคุณสมบัติเด่นของวิตามินอีคือการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ วิตามินอีจะช่วยทำให้รอยแผลเป็นและจุดด่างดำต่าง ๆ จางลง จะเป็นรอยแผลธรรมดา รอยแผลคีรอยด์ จุดด่างดำที่อาจเกิดจากเม็ดสี Melanin มากเกินไป วิตามินอีก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ Eucerin ขอแนะนำ Eucerin Even Radiance Duo Ampoules เซรั่มแอมพูลจากยูเซอริน 2 Steps
- Step ที่ 1 ผสานพลังของวิตามินอี ให้ผิวชุ่มชื่น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมพลังให้ผิวฟื้นฟูให้ผิวหลังโดนแสงแดด และพร้อมจัดการเซลล์ผิวหมองคล้ำถึงต้นตอ ด้วย Niacinamide และ Licorice Extract อีก 2 สารไบรท์เทนนิ่งทรงพลัง
- Step ที่ 2 ที่ยังคงส่วนผสมอย่าง Vit E และพร้อม ช่วยซ่อมแซมฟื้นบำรุงหน้าไหม้แดดให้กลับมากระจ่างใส ฉ่ำวาวด้วย Illumiscin ลดจุดด่างดำหมองคล้ำด้วย Vit C พร้อมป้องกันโอกาสเกิดจุดด่างดำด้วย Niacinamide - ปกป้องไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจากมลภาวะและแสงแดด
นอกจากจะเสริมความงามและวิตามินอียังช่วยฟื้นฟูและปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ด้วย เพราะในวิตามินอีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะไปช่วยจะกักกับอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสี UV จากแสงแดด รวมถึงการที่วิตามินอีทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว จะทำให้ผิวไม่ถูกทำร้ายจากมลภาวะอีกด้วย
ผลกระทบเมื่อขาดวิตามินอี
- ทำให้ความอ่อนแอของระบบภูมิคุ้มกันลดลง
- ผิวหนังแห้งและระคายเคือง และผิวแห้งกร้านขึ้น
- ปัญหาที่เกี่ยวกับสายตา จอตาอักเสบหรือสายตาเสื่อมลง
- ปัญหาการสืบพันธุ์ และระบบทางเพศของผู้ชาย
อาการเมื่อได้รับวิตามินอี มากเกินไป
- การรับวิตามินอีที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการหรือผลข้างเคียงขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็น
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียเกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหาร
- ความอ่อนเพลีย เกิดอาการง่วงนอนมากกว่าปกติ
- ไม่ค่อยมีแรงสำหรับกิจกรรมประจำวัน
วิตามินอีที่อยู่ในอาหาร
วิตามินอีเป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้ จะได้รับจากการรับประทานอาหารต่าง ๆ เช่น ธัญพืชประเภทถั่ว งา ไข่ ผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ เมล็ดทานตะวัน น้ำมันที่มีส่วนผสมของถั่วก็มีวิตามินอีเหมือนกัน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน นอกจากวิตามินอีที่อยู่ในอาหารต่าง ๆ แล้วยังมีวิตามินอีที่อยู่ในรูปแบบอาหารเสริม และวิตามินอีที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย
อาหารในชีวิตประจำวัน
โดยปกติแล้วร่างกายต้องการวิตามินอีวันละ 10 IU สำหรับผู้ใหญ่สุขภาพดี รับประทานอาหารครบ 5 หมู่เป็นประจำย่อมได้รับวิตามินอีเพียงพอแล้ว แต่ถ้าใครกำลังมองหาอาหารที่จะช่วยเสริมวิตามินอีให้กับร่างกาย เราพอจะมีตัวอย่างให้ เผื่อไปเลือกซื้อ เลือกรับประทานกัน
ประะเภทน้ำมัน : น้ำมันจมูกข้าวสาลี น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเฮเซลนัท น้ำมันคาโนล่า น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน เนยถั่ว
ประเภทธัญพืชและถั่ว : เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ งา ข้าวซ้อมมือ ประเภทผักและผลไม้ :อะโวคาโด มะม่วง พริกหวานสีแดง ปวยเล้ง มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี กีวี กล้วยไข่ แก้วมังกร ผักโขม บล็อกโคลี มันหวาน ฟักทอง ขนุนหนัง มะขามเทศ
สำหรับเนื้อสัตว์นั้นพอจะมีวิตามินอีอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่สารอาหารหลัก และไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับประเภทน้ำมัน
อาหารเสริม
นอกเหนือจากอาหารที่เราทานตามปกติ วิตามินยังมีแบบที่รับประทานเป็นอาหารเสริมอีกด้วย โดยจะเน้นด้านสุขภาพและความงาม โดยวิตามินอีในอาหารเสริมส่วนมากจะถูกสกัดมาจากแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ วิตามินอีในรูปแบบอาหารเสริมจะถูกใช้เพื่อบำรุงร่างกายและป้องกันการเกิดโรค ในบางกรณียังถูกใช้เป็นสารกันหืนอีกด้วย
วิธีการเก็บรักษาวิตามินอี
การเก็บรักษาวิตามินอีควรเก็บรักษาในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนความชื้นและแสงแดด
โดยทั่วไปวิตามินอีจะอยู่ในอาหารที่เรากินเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็ไม่ต้องกังวลใจว่าจะขาดวิตามินอีอีก แต่สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของการดูดซึมวิตามินอี สามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ รวมถึงคนที่ได้รับวิตามินอีมากเกินไปก็ควรปรึกษาแพทย์ด้วยเช่นกัน สำหรับวิตามินในผลิตภัณฑ์เสริมความงามนั้น โดยทั่วไปไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ส่วนผสมอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ แนะนำให้ทดสอบก่อนว่ามีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้น ๆ หรือไม่