ในปัจจุบันสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. สารเพิ่มความชุ่มชื้นทั่วไป
มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ข้อดีคือมีจำหน่ายทั่วไป ราคาไม่สูง มีให้เลือกหลากหลาย มีหลายเนื้อสัมผัส แต่อาจจะมีส่วนผสมที่สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้ผื่นผิวหนังอักเสบแย่ลงได้ เช่น มีน้ำหอม สารกันเสีย เป็นต้น ดังนั้นสารเพิ่มความชุ่มชื้นทั่วไปจึงเหมาะกับผู้ที่ไม่เป็นโรคผิวหนังและผู้ที่ไม่มีผิวหนังบอบบางหรือมีความเสี่ยงในการเกิดผื่นแพ้ระคายเคือง
2. สารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทเวชสำอาง (Pharmaceutical moisturizers)
คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่รวมเอาคุณสมบัติของเครื่องสำอางและ/หรือยาไว้ด้วยกัน กล่าวคือนอกจากสารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทเวชสำอาง จะมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญคือสารลดการอักเสบหรือบรรเทาอาการต่างๆที่มีฤทธิ์เสมือนยา มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของผื่นผิวหนังได้ จึงส่งผลให้สามารถลดปริมาณการใช้ยาทาลดการอักเสบโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มยาทาสเตียรอยด์ ตัวอย่างของสารลดการอักเสบที่อยู่ในสารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทเวชสำอาง เช่น สารลิโคชาลโคน เอ (Licochalcone A) เป็นสารสกัดจากชะเอมเทศมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง สารเมนทอกซี่โพแพนไดออล (menthoxypropanediol) มีคุณสมบัติช่วยลดอาการคัน เป็นต้น ดังนั้นสารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทเวชสำอางจึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เนื่องจากโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเป็นโรคผิวหนังที่มีสภาพผิวแห้งและมักมีการอักเสบของผิวหนังบ่อยครั้ง การทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทเวชสำอางจึงเป็นทั้งการรักษาและการป้องกันอาการของโรค อีกทั้งสารเพิ่มความชุ่มชื้นกลุ่มนี้มักไม่ก่อให้เกิดการระคายเนื่องจากไม่มีสารกันเสีย ไม่มีน้ำหอม ผ่านการทดสอบและมักมีการศึกษารองรับถึงประสิทธิภาพในการร่วมรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ข้อด้อยของสารเพิ่มความชุ่มชื้นประเภทเวชสำอางคือราคาสูงกว่าสารเพิ่มความชุ่มชื้นทั่วไป